5 วิธีเพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย สู้โรคไม่ป่วยง่าย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ทำให้หลาย ๆ บ้านเริ่มดูแลตัวเองด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สร้างระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้อื่น เช่น ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ เราจึงมีวิธีดูแลตัวเองและคนที่รักขั้นพื้นฐานเพื่อดูแลสุขอนามัยทุกคนในบ้าน ที่สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์มาแบ่งปันกัน

1.ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่


เพราะมือเป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัสสิ่งของรอบตัวและยากที่จะหลีกเลี่ยง ยิ่งเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ในบ้านที่มักเผลอเอามือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งการล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีคือวิธีทำความสะอาดที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพช่วยลดการติดเชื้อ ทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆ จึงควรเสริมสร้างพฤติกรรมการล้างมือให้ติดนิสัย โดยการล้างมือเป็นประจำอย่างถูกวิธี ใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาที หรือเท่ากับร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ 2 รอบ วิธีล้างมือที่ถูกต้อง ทุกครั้งหลังจับสิ่งของ หลังกลับจากนอกบ้าน และก่อน-หลังทานอาหาร และควรใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดอื่น ๆ เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือ แอลกอฮอล์เจลความเข้มข้น 70% ขึ้นไป ในกรณีที่ออกไปนอกบ้าน หรือเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้านเพิ่มเติม เช่น ห้องนั่งเล่น, โต๊ะทานข้าว เป็นต้น

2.ควรดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน

แค่การดื่มน้ำหรือจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดวัน ก็ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ ส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ แต่ที่สำคัญคือ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หรือหลอดร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงต่อการรับเชื้อ-แพร่เชื้อระหว่างกันได้

3.กินอาหารมากวิตามิน

เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดโอกาสเจ็บป่วย

  • กลุ่มวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ เกรปฟรุต สตรอเบอร์รี่ กระเจี๊ยบ ดอกขี้เหล็ก ยอดมะขาม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
  • กลุ่มวิตามินอี เช่น ไข่แดง ปลาทูน่า ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • กลุ่มพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น กระเทียม หัวหอม ขิง ข่า ขมิ้นชัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรง และพื้นฐานโภชนาการที่สำคัญที่สุดคือ ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ปรุงสุกสดใหม่และสะอาดปลอดภัย รวมทั้งต้องใช้ช้อนกลางเสมอแม้จะอยู่ที่บ้าน เพื่อสุขอนามัยที่ดีทั้งครอบครัว

4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

วันละ 30-60 นาที ช่วยเสริมกำลังกล้ามเนื้อและสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ทุกคนควรหลีกเลี่ยงการไปออกกำลังกายในที่ที่มีคนแออัด เช่น ฟิตเนส สนามกีฬา สระว่ายน้ำ แต่เรายังสามารถเลือกออกกำลังกายที่บ้านได้ง่ายๆ (Work Out at Home) ด้วยการออกสเตปขณะทำงานบ้าน เช่น ตากผ้าพร้อมสควอตเกร็งกล้ามเนื้อขา ถูบ้านโยกซ้ายขวาเผาผลาญพลังงาน เช็ดพื้นด้วยท่าแพลงก์หน้าไร้พุง ขัดห้องน้ำลุกนั่งกระชับสัดส่วน เป็นต้น หรือเลือกออกกำลังกายง่าย ๆ เช่น ซิตอัปบนเตียง ดูซีรี่ส์พร้อมปั่นจักรยานอากาศ ยกขวดน้ำสร้างกล้ามแทนดัมเบล เป็นต้น ช่วงที่ต้องอยู่บ้านนี้ เป็นโอกาสดีที่จะชวนทุกคนมาช่วยกันทำงานบ้าน เพราะได้ประโยชน์ถึง 3 ต่อ คือ ได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ได้เชื่อมความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และยังได้สุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน

5.ทำอารมณ์ให้แจ่มใส

จากข้อมูลข่าวสารหลากหลายแหล่ง ทำให้การเสพข่าวในช่วงนี้อาจกระทบสุขภาพจิตใจหลายคนให้แย่ลง จากความเครียด วิตกกังวล และความหวาดกลัว จึงควรเลือกรับข่าวสารอย่างมีสติ ตรวจสอบและเลือกอ่านข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น อีกวิธีคลายเครียด คือใช้โอกาสช่วงนี้ในการเริ่มพัฒนาทักษะ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ เช่น ลงเรียนคอร์สออนไลน์ อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ ฝึกทำอาหาร ปลูกต้นไม้ ฝึกเต้น เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีพื้นฐานสำหรับการดูแลสุขภาพ และสุขอนามัย ที่ทุกคนในครอบครัวควรปฏิบัติ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเองและทุกคนในครอบครัวเสมอ หากพบว่ามีไข้สูงกว่า 37.5 องศา ไอแห้ง เจ็บคอ หรือหายใจติดขัดหรือเหนื่อยหอบ ให้ตั้งสติ แต่ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลทันที เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ สิ่งที่ควรทำคือ การโทรปรึกษาแพทย์ หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

ที่มา : nestle.co.th

ติดตามเรา

spot_img

Related Articles

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com